ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) : ประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นกับโครงการ #รู้ว่าเสี่ยง เลี่ยงเสียศูนย์ (#KnowMyRisk)
ปิดท้ายไปอย่างสวยงามสำหรับ โครงการ #รู้ว่าเสี่ยง เลี่ยงเสียศูนย์ (#KnowMyRisk) ประจำปี 2567 โดยล่าสุดได้จัดกิจกรรมสัญจรโครงการสร้างความรู้กับประชาชน กลุ่มเสี่ยงต่อโรคระบบทางเดินหายใจที่สามารถติดต่อได้ “รู้ว่าเสี่ยง เลี่ยงเสียศูนย์” ครั้งที่ 12 ณ ชุมชนหมู่บ้านรุ่งสว่างวิลเลจ ซ.รามอินทรา 8 เขตบางเขน เมื่อเร็ว ๆ นี้
ปิดท้ายไปอย่างสวยงามสำหรับ โครงการ #รู้ว่าเสี่ยง เลี่ยงเสียศูนย์ (#KnowMyRisk) ประจำปี 2567 โดยล่าสุดได้จัดกิจกรรมสัญจรโครงการสร้างความรู้กับประชาชน กลุ่มเสี่ยงต่อโรคระบบทางเดินหายใจที่สามารถติดต่อได้ “รู้ว่าเสี่ยง เลี่ยงเสียศูนย์” ครั้งที่ 12 ณ ชุมชนหมู่บ้านรุ่งสว่างวิลเลจ ซ.รามอินทรา 8 เขตบางเขน เมื่อเร็ว ๆ นี้
โครงการ #รู้ว่าเสี่ยง เลี่ยงเสียศูนย์ (#KnowMyRisk) ริเริ่มและดำเนินการ ขึ้นโดยแพทยสมาคมฯ ซึ่งได้รับความร่วมมือร่วมใจจากหลากหลายภาคี ภายใต้การสนับสนุนของบริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อมุ่งสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรคในระบบทางเดินหายใจที่ติดต่อได้และสามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีน โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นประชากรกลุ่มเสี่ยง 608 ประกอบด้วย ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก ผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือมีสภาวะบางอย่าง เช่น โรคเบาหวาน โรคปอดเรื้อรัง โรคมะเร็ง เป็นต้น นอกจากนี้ยังสร้างความตระหนักรู้ในการเลือกรับฟัง และเสพข้อมูลข่าวสารเชิงสุขภาพเพื่อไม่ตกเป็นเหยื่อเพราะความไม่รู้ จากข้อมูลเท็จ (ข่าวปลอม) รวมถึงมุ่งเน้นสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ ได้แก่ โรคโควิด19 โรคไข้หวัดใหญ่ โรคนิวโมคอคคัสที่ทำให้เกิดอาการปอดอักเสบ และโรคติดเชื้ออาร์ เอส วี โดยมีการลงพื้นที่ทำกิจกรรมในชุมชนตามพื้นที่ต่าง ๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ผ่านความร่วมมือกับรายการเลิกบุหรี่ดีต่อใจทางช่อง 5 และเครือข่าย อสม. อสส. รพ.สต. รวมถึงชาวบ้าน ครู และผู้นำชุมชนในแต่ละพื้นที่
ศ.เกียรติคุณ พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานแพทยสมาคมฯ และนายกแพทยสภา เปิดเผยว่า “โครงการให้ความรู้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงต่อโรคระบบทางเดินหายใจที่สามารถติดต่อได้ อยู่ภายใต้โครงการ #รู้ว่าเสี่ยง เลี่ยงเสียศูนย์ (#KnowMyRisk) ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2566 นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งโครงการดี ๆ ที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม ทั้ง ประชาชนทั่วไป ผู้ที่อยู่กลุ่มเสี่ยงต่อโรคระบบทางเดินหายใจที่สามารถติดต่อได้ หรือ กลุ่มเปราะบาง โดยหลังจากจบโครงการเชื่อว่า สามารถนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้จากการเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชนและสังคมของตนเองได้ โดยตลอดระยะเวลาที่ดำเนินโครงการมา ได้เข้าถึงในการให้ความรู้แก่ประชาชนกลุ่มเสี่ยง ทั้งในชุมชน สถานศึกษา องค์กรการปกครองส่วนท้องถิ่น สาธารณสุขอำเภอ รพ.สต. อสม. อสส. รวมถึงในพื้นที่ชุมชน ได้แก่ กรุงเทพฯ ปทุมธานี ราชบุรี กาญจนบุรี เพชรบูรณ์ เป็นต้น โดยได้ทำกิจกรรมในหลายชุมชน รวม 12 ครั้ง นับตั้งแต่เปิดตัว จนถึงสิ้นปี 2567 และขอขอบคุณทุกภาคส่วนในความมุ่งมั่นร่วมมือ และให้การสนับสนุนกันอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้โครงการฯ ประสบความสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี”
นายมาร์ค (ชุนฮาว) คาว ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทย บริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงโครงการฯ ในครั้งนี้ว่า “ผมขอขอบคุณแพทยสมาคมแห่งประเทศไทย คุณชัชวาล เผ่าสวัสดิ์ ประธานชมรมเยาวชนรุ่นใหม่ไม่ใส่ใจบุหรี่ ภายใต้สมาพันธ์เครือข่ายแห่งชาติเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ และผู้ผลิตรายการเลิกบุหรี่ดีต่อใจปีที่ 7 ทาง ททบ.5 และทีมงาน สำหรับความเชื่อมั่นและพันธมิตรที่เข้มแข็งที่มีให้กับทีมงานไฟเซอร์ ซึ่งนำทีมโดย คุณอมรา จันทร์เปล่ง ผู้อำนวยการฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ ในการร่วมมือสานต่อกิจกรรมภายใต้โครงการ #รู้ว่าเสี่ยง เลี่ยงเสียศูนย์ จนมาถึงครั้งที่ 12 ในครั้งนี้ ผมรู้สึกตื่นเต้นและภูมิใจที่ได้ทราบถึงความร่วมมือของผู้นำชุมชน บุคลากรด้านสุขภาพ และประชาชนในทุกพื้นที่ที่เราดำเนินโครงการ #รู้ว่าเสี่ยง เลี่ยงเสียศูนย์ มีความเข้มแข็ง และสนใจเป็นอย่างมากต่อโครงการฯ จากผู้เข้าร่วมงาน ทั้งนักเรียน ผู้สูงอายุ อาสาสมัครสาธารณสุข ฯลฯ ในทุกกิจกรรม โดยบริษัทไฟเซอร์ฯ ได้ขยายการสนับสนุนโครงการ #รู้ว่าเสี่ยง เลี่ยงเสียศูนย์ จนถึงสิ้นปีนี้ บริษัทฯ หวังว่าจะสามารถเพิ่มการตระหนักรู้เกี่ยวกับโรคติดเชื้อทางเดินหายใจเพื่อจะได้สามารถลดความรุนแรงและการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลในประชาชนกลุ่มเสี่ยงสูงได้”
ด้าน นางวันเพ็ญ หอยทอง ประธานชุมชนหมู่บ้านรุ่งสว่างวิลเลจ ซ.รามอินทรา 8 เขตบางเขน กล่าวถึงกิจกรรมในวันนี้ว่า “โครงการ #รู้ว่าเสี่ยง เลี่ยงเสียศูนย์ เป็นประโยชน์แก่คนในทุกกลุ่ม ทั้ง เด็ก และกลุ่มเสี่ยง เป็นโครงการฯ ที่เข้าถึงการดูแลตนเองได้ดีมาก ได้ความรู้ สร้างความตระหนักในสถานการณ์ต่าง ๆ หวังว่าทุกคนที่ได้เข้าร่วมโครงการฯ จะสามารถนำประโยชน์ไปใช้ในการดูแลตนเอง คนในครอบครัว และยังป้องกันโรคต่าง ๆ ได้อีกด้วย ขอบคุณทุกหน่วยงานในความร่วมมือที่จัดกิจกรรมภายใต้โครงการฯ ดี ๆ แบบนี้ขึ้น”