แม้ช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะสร้างความลำบากออกไปเป็นวงกว้าง แต่สิ่งหนึ่งที่เราได้เห็นจากสังคมไทยคือความมีน้ำใจ ช่วยเหลือเกื้อกูลกันตั้งแต่การแจกอาหาร ของใช้จำเป็นพื้นฐานไปจนถึงตู้ปันสุข ประชาชนชาวไทยทุกๆ คน ธุรกิจใหญ่น้อยต่างให้ความช่วยเหลือเพื่อฝ่าพันวิกฤตในครั้งนี้ไปด้วยกัน

และหนึ่งในนั้นคือ กลุ่มบริษัทรองเท้า เอส.ซี.เอส. ผู้ผลิตรองเท้านักเรียนผ้าใบเบรกเกอร์ รองเท้านักเรียนป๊อบทีน และรองเท้านักเรียนแคทช่า ขอร่วมเป็นอีกหนึ่งแรงนำทีมพนักงานในโรงงานมาเพิ่มไลน์การผลิตหน้ากากผ้าอนามัยเพื่อนำไปแจกให้เด็กนักเรียนทั่วประเทศที่ขาดแคลนก่อนเปิดเทอม โดยได้เริ่มโครงการนำร่องมอบหน้ากากผ้าอนามัยจำนวน 10,000 ชิ้น มูลค่า 500,000 บาท ผ่านกระทรวงศึกษาธิการ โดยมี คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นตัวแทนรับมอบเพื่อกระจายสู่เด็กๆ ที่ขาดแคลนได้นำไปใช้ประโยชน์ต่อไป

นายสมฤกษ์ วงศ์วีระนนท์ชัย รองกรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัทรองเท้า เอส.ซี.เอส. เปิดเผย “สืบเนื่องสถานการณ์โควิด-19 และรัฐบาลได้มีการประกาศเลื่อนภาคเรียนออกไป เราจึงได้เล็งเห็นว่าเด็กนักเรียนจะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอนเมื่อกลับมาเปิดเรียนตามปกติ และไวรัสทำให้น้องๆ นักเรียนต้องมีเครื่องมือในการป้องกันตัวเอง เราจึงได้คิดถึงการผลิตหน้ากากผ้า เพราะบริษัทฯ มีทักษะและความเชี่ยวชาญด้านการตัดเย็บอยู่แล้ว เราจึงให้ทางฝ่ายผลิตตรวจสอบว่าหน้ากากสำหรับเด็กระดับชั้น ป.1 - ป.6 ใส่อย่างไรจึงจะเหมาะสม โดยหน้ากากผ้าสำหรับเด็กที่เราผลิตขึ้นมานั้น ใช้ผ้ามัสสลินสามชั้น ทำให้สวมใส่สบาย หายใจสะดวก ป้องกันละอองน้ำ และป้องกัน PM 2.5 ที่สำคัญสามารถซักใช้ซ้ำได้หลายครั้ง ลดปัญาหาด้านความสิ้นเปลื้องได้ และกลุ่มบริษัทรองเท้า เอส.ซี.เอส. จะยังคงเดินหน้าทำกิจกรรมเพื่อตอบแทนสังคมไทยต่อไป โดยจะดำเนินการผลิตหน้ากากผ้าอนามัยสำหรับเด็กเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตราบใดที่ยังมีความต้องการ เพราะยังคงมีเด็กนักเรียนอีกเป็นจำนวนมากที่ยังขาดหน้ากากอนามัยที่เหมาะสมในการใช้เพื่อป้องกันตัวเอง โดยบริษัทฯ จะยังคงบริจาคผ่านกระทรวงศึกษาธิการให้เป็นสื่อกลางเพื่อนำไปแจกจ่ายให้ถึงมือน้องๆ นักเรียนที่มีความต้องการต่อไป”

คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ยังได้กล่าวขอบคุณกลุ่มบริษัทรองเท้า เอส.ซี.เอส. ที่ได้ให้การสนับสนุนมอบหน้ากากผ้าอนามัยเพื่อนำไปแจกให้กับเด็กนักเรียนทั่วประเทศไทยที่ขาดแคลนได้ใช้ประโยชน์ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งเป็นสิ่งที่กระทรวงศึกษาธิการได้ให้ความสำคัญ