http://www.csrcom.com/
True ปลูกปัญญา
ข่าว CSR

โครงการธุรกิจยั่งยืนกับโคคา-โคลาฯ เผยความคืบหน้าการเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจสตรีชาวไร่อ้อย

โครงการธุรกิจยั่งยืนกับโคคา-โคลาฯ เผยความคืบหน้าการเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจสตรีชาวไร่อ้อย
เป็นไปตามแผน ตอบโจทย์ความต้องการของเกษตรกร

                      

เพชรบูรณ์, 16 พฤษภาคม 2560 –  กลุ่มธุรกิจโคคา-โคลา ในประเทศไทย กลุ่มน้ำตาลไทยรุ่งเรือง และสถาบันคีนันแห่งเอเซีย เดินหน้าติดตามความคืบหน้า “โครงการธุรกิจยั่งยืนกับโคคา-โคลา เพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจเกษตรกรสตรีชาวไร่อ้อย” เผยจัดอบรมนำร่องเกษตรกรสตรีชาวไร่อ้อยในจังหวัดเพชรบูรณ์และอุทัยธานีไปแล้ว 625 คน จากการประเมินผลพบว่า ชาวไร่เริ่มมีการนำทักษะและความรู้ที่ได้รับจากการอบรมไปใช้ในชีวิตประจำวันทั้งการประเมินสุขภาพทางการเงินและการควบคุมค่าใช้จ่าย ตลอดจนการเตรียมตัวเริ่มต้นทำไร่อ้อยในฤดูกาลใหม่ ซึ่งหน่วยงานพันธมิตรจะยังคงประสานความร่วมมือในการทำงานและประเมินผลร่วมกันอย่างต่อเนื่องไปจนสิ้นสุดระยะเวลานำร่องในเดือนกรกฎาคม 2560 นี้ เตรียมขยายผลที่ได้มาพัฒนาโครงการในระยะต่อๆ ไป

            นายนันทิวัต ธรรมหทัย ผู้อำนวยการองค์กรสัมพันธ์และการสื่อสาร บริษัท โคคา-โคลา (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “โคคา-โคลา มีพันธกิจในการดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบ ซึ่งครอบคลุมการจัดหาวัตถุดิบที่มีคุณภาพอย่างยั่งยืนเพื่อนำมาผลิตเครื่องดื่มตามมาตรฐานระดับโลก โดยเราซื้อน้ำตาลจำนวนมากจากผู้ผลิตในประเทศไทย ในขณะเดียวกัน โคคา-โคลาก็มุ่งพัฒนาศักยภาพของผู้หญิงที่ทำงานเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจของเรา ตามโครงการ 5by20 ที่มุ่งเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจให้กับผู้หญิงที่อยู่ในแวลูเชนของโคคา-โคลา 5 ล้านคน ภายในปี 2020  ซึ่งพันธกิจทั้งสองนี้เป็นที่มาของโครงการธุรกิจยั่งยืนกับโคคา-โคลา ที่นำร่องกับเกษตรกรสตรีชาวไร่อ้อยในเครือข่ายของกลุ่มน้ำตาลไทยรุ่งเรืองในปัจจุบัน”

“กลุ่มน้ำตาลไทยรุ่งเรืองส่งเสริมการทำเกษตรที่ยั่งยืน มีฝ่ายปฏิบัติงานไร่อ้อยที่เข้มแข็งและทำงานใกล้ชิดกับชาวไร่อยู่แล้ว จึงช่วยรับผิดชอบงานด้านฝึกอบรมการเกษตรที่ยั่งยืน และเข้าฝึกอบรมการบริหารการเงินส่วนบุคคลจากสถาบันคีนันแห่งเอเซียเพื่อเป็นวิทยากรร่วม ส่วนคีนันได้เข้ามาสำรวจพื้นที่และพูดคุยกับชาวไร่ตั้งแต่ก่อนเริ่มโครงการ เพื่อพัฒนาหลักสูตรการบริหารการเงินส่วนบุคคลที่สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมและชีวิตความเป็นอยู่ของสตรีชาวไร่อ้อยในพื้นที่ สำหรับผลการดำเนินการที่ผ่านมานั้น เกษตรกรสตรีชาวไร่อ้อยเข้าร่วมโครงการถึง 625 คน เกินกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 600 คน และเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเชิงบวก อย่างไรก็ตาม โครงการนำร่องนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้น เพราะการสร้างทัศนคติที่ถูกต้องและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างยั่งยืน ต้องใช้เวลาและการทำงานร่วมอย่างต่อเนื่อง” นายนันทิวัตกล่าว

นายปิยะบุตร ชลวิจารณ์ ประธานอำนวยการและรองประธานกรรมการ สถาบันคีนันแห่งเอเซีย กล่าวว่า “คีนันมุ่งสร้างเครือข่ายพันธมิตรเพื่อร่วมกันพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจ โดยก่อนเริ่มโครงการ ได้ลงพื้นที่รับฟังปัญหาของเกษตรกร แล้วนำข้อมูลมาพัฒนาหลักสูตรที่ตอบโจทย์ ใน 5 หัวข้อ คือ 1.การตั้งเป้าหมายชีวิตและเป้าหมายทางการเงิน 2.การใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพและการทำบัญชีครัวเรือน 3.การบริหารจัดการหนี้  4.การออม และ 5.การลงทุนและทักษะการเป็นผู้ประกอบการ  ซึ่งเน้นการมีส่วนร่วมของผู้เข้าอบรม เข้าใจง่าย และสามารถนำความรู้ไปใช้ได้ทันที จากการดำเนินโครงการช่วงที่ผ่านมา เกษตรกรสตรีมีความรู้ด้านการจัดการการเงินเพิ่มขึ้นร้อยละ 29 เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ร้อยละ 20  นอกจากนี้ ยังมีความพึงพอใจต่อโครงการในภาพรวมถึงร้อยละ 80  ที่สำคัญคือ เกษตรกรจำนวนหนึ่งเริ่มตั้งเป้าหมายการเงิน หลายคนเริ่มทำบัญชีรายรับรายจ่ายและออมเงิน ทำอาชีพเสริมเพื่อลดหนี้และเพิ่มรายได้”

ดร.ณัฐพล อัษฎาธร กรรมการบริหาร กลุ่มน้ำตาลไทยรุ่งเรือง กล่าวว่า “ในฐานะผู้ผลิตน้ำตาลคุณภาพ     พรีเมียมจากวัตถุดิบอ้อย บริษัทฯ มุ่งสร้างความมั่นคงแก่เกษตรกรชาวไร่อ้อย ผ่านแนวคิดการส่งเสริมการเกษตรที่ยั่งยืน โดยเราได้คัดเลือกพนักงานจากเพชรบูรณ์ 19 คน และอุทัยธานี 10 คน เข้ารับการฝึกอบรมเป็นวิทยากรจากสถาบันคีนันแห่งเอเซีย โดยมุ่งใช้ความสัมพันธ์ที่ดีของพนักงานกลุ่มนี้ซึ่งต้องทำงานใกล้ชิดกับเกษตรกรอยู่แล้วในการค่อยๆ สร้างความเข้าใจ ถ่ายทอดความรู้ ให้คำปรึกษา ตลอดจนช่วยปรับพฤติกรรมด้านการบริหารการเงินในครัวเรือนและการทำธุรกิจไร่อ้อยอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ เรายังได้นำโครงการช่วยเกษตรกรลดรายจ่าย เพิ่มผลผลิตและรายได้ที่บริษัทฯ ดำเนินการอยู่แล้วและตอบโจทย์เข้ามาเสริม คือ การทำน้ำหมักชีวภาพ และการจัดการน้ำไว้ใช้ในหน้าแล้ง ซึ่งเมื่อนำสิ่งต่างๆ เหล่านี้มาผนวกกับความรู้ด้านการบริหารการเงินที่เกษตรกรได้รับ ก็น่าจะทำให้คุณภาพชีวิตของสตรีชาวไร่อ้อยมั่นคงและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น”

นางสาวณัฐวรรณ ทองเกล็ด (แหม่ม) สตรีชาวไร่อ้อยรุ่นใหม่วัย 37 ปีจากเพชรบูรณ์ที่เข้าร่วมโครงการฯ กล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ทำเกษตรเชิงเดี่ยว และเมื่อมีปัญหาเข้ามาหรือไร่อ้อยเสียหาย ก็ไม่มีแผนหรือรายได้สำรอง หลังเข้าร่วมโครงการฯ ก็ได้นำความรู้การบริหารการเงินมาใช้ด้วยการจดบันทึกต้นทุน รายรับ รายจ่าย ทำให้มองเห็นภาพรวมการทำงานและการเงินของตัวเองได้มากยิ่งขึ้น รู้ว่ารายจ่ายส่วนไหนเยอะเกินความจำเป็น หรือไม่จำเป็น และปรับลดได้ถูกจุด นอกจากนี้ ได้เริ่มต้นทำเกษตรผสมผสาน เช่น ปลูกมะเขือเทศราชินี ข้าวโพดเทียน มะนาว เพื่อเพิ่มรายได้ ลดความเสี่ยงจากการทำไร่อ้อยเพียงอย่างเดียว ซึ่งสิ่งเหล่านี้สอดคล้องกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 หากเราลดความต้องการลง มองเห็นว่าตัวเองกำลังอยู่จุดไหน ทำอะไร ปรับเปลี่ยนให้พอดี การใช้ชีวิตก็จะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น”

“โคคา-โคลามีแผนที่จะขยายโครงการไปสู่ซัพพลายเออร์น้ำตาลรายอื่นๆ ในระยะต่อไป  โดยขณะนี้ ได้เริ่มพูดคุย ซึ่งจะต้องประเมินด้วยว่า พันธมิตรรายใหม่มองเห็น “คุณค่าร่วม” หรือ “Shared Value” จากโครงการมากน้อยเพียงใด เพราะการปรับเปลี่ยนทัศนคติและพฤติกรรมนั้นต้องทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่อง และพันธมิตรก็ต้องเห็นคุณค่าจากผลลัพธ์ของโครงการ และพร้อมที่จะลงทุน ลงแรง ด้วยกัน เราหวังว่าผลจากโครงการนำร่องซึ่งจะแล้วเสร็จในเดือนกรกฎาคม 2560 นี้ จะช่วยทำให้ทุกฝ่ายเห็นว่าการประสานความร่วมมือบนฐานของการสร้างคุณค่าร่วมกัน จะช่วยสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับภาคอุตสาหกรรม ภาคเกษตรกรรม และภาคสังคมได้ในระยะยาว” นายนันทิวัต ธรรมหทัย ผู้อำนวยการองค์กรสัมพันธ์และการสื่อสาร บริษัท โคคา-โคลา (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวทิ้งท้าย

 
==========================================
เกี่ยวกับโครงการ 5by20
โครงการ 5by20 เป็นพันธกิจระดับโลกของโคคา-โคลาที่มุ่งเพิ่มศักยภาพด้านการดำเนินธุรกิจให้กับผู้หญิงในห่วงโซ่คุณค่าของ          โคคา-โคลาจำนวน 5 ล้านคนภายในปีค.ศ. 2020 (พ.ศ. 2563) ผู้หญิงทั่วโลกล้วนมีบทบาทสำคัญต่อธุรกิจและห่วงโซ่คุณค่าของ        โคคา-โคลา จากแนวคิดนี้ เราจึงได้ริเริ่มโครงการเพื่อช่วยเหลือผู้หญิงในห่วงโซ่คุณค่าของโคคา-โคลา เริ่มตั้งแต่ชาวสวนผลไม้ ไปจนถึงช่างฝีมือ ภายใต้โครงการ 5by20 โคคา-โคลาพยายามตอบโจทย์ปัญหาทางธุรกิจที่ผู้หญิงส่วนใหญ่พบเจอ โครงการนี้เปิดโอกาสให้ผู้หญิงได้เรียนรู้ทักษะในการดำเนินธุรกิจ การวางแผนด้านการเงิน และมีโอกาสทำความรู้จักกับเพื่อนร่วมอาชีพหรือผู้ให้คำปรึกษา รวมถึงมอบความมั่นใจในการทำธุรกิจอย่างประสบความสำเร็จแก่พวกเขา

กลุ่มธุรกิจโคคา-โคลา ในประเทศไทย ประกอบด้วย บริษัท โคคา-โคลา (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะเจ้าของแบรนด์ รับผิดชอบกิจกรรมตลาด และสองพันธมิตรผู้ผลิตและจัดจำหน่าย บริษัท ไทยน้ำทิพย์ จำกัด รับผิดชอบ 62 จังหวัดทั่วประเทศ และบริษัท หาดทิพย์ จำกัด (มหาชน) รับผิดชอบใน 14 จังหวัดภาคใต้ ผลิตภัณฑ์ในพอร์ตโฟลิโอของกลุ่มธุรกิจโคคา-โคลา ในประเทศไทยได้แก่ โค้ก, โค้ก ซีโร่, โค้ก ไลท์, แฟนต้า, สไปร์ท, ชเวปปส์, รูทเบียร์ เอแอนด์ดับบลิว  รวมถึงน้ำผลไม้มินิทเมด สแปลช มินิทเมด พัลพิ  มินิทเมด     นิวทริบู๊สท์ เครื่องดื่มสมุนไพร ฮาบุ และ  น้ำดื่มน้ำทิพย์

สถาบันคีนันแห่งเอเซีย เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรชั้นนำของประเทศไทย จดทะเบียนเป็นมูลนิธิคีนันแห่งเอเซีย ก่อตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืนในประเทศไทย และในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คีนันเน้นการทำงานด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนผ่านการให้บริการงานด้านการพัฒนาเศรษฐกิจและภาคธุรกิจ นวัตกรรมการศึกษา การพัฒนาศักยภาพองค์กรภาคประชาสังคม การส่งเสริมด้านความรับผิดชอบต่อสังคมของภาคเอกชน  และการสาธารณสุข นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2539 ที่เริ่มก่อตั้ง คีนันได้บริหารโครงการด้วยทุนรวมกว่าหนึ่งพันสองร้อยล้านบาท ปัจจุบันคีนันมีพนักงานกว่า 80 คนเพื่อดำเนินโครงการให้กับภาคธุรกิจ ภาครัฐบาล และกลุ่มองค์กรระหว่างประเทศในประเทศไทยนอกจากนี้ คีนันยังเป็นผู้นำในด้านการบริหารโครงการด้านการมีส่วนร่วมและเข้าถึงชุมชนที่สอดคล้องกับบริบทสำคัญของบริษัทอย่างมีกลยุทธ์ สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.kenan-asia.org และเฟซบุ้ค Kenan Institute Asia

กลุ่มบริษัทน้ำตาลไทยรุ่งเรือง เป็นโรงงานน้ำตาลเอกชนแห่งแรกในประเทศไทย ซึ่งตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2489 ปัจจุบันมีผลผลิตน้ำตาลประมาณ 1 ล้านตันต่อปี โดยมีสินค้าหลากหลายประเภท เช่น น้ำตาลทรายดิบเพื่อเข้าโรงงานทำน้ำตาลทรายขาว  น้ำตาลทรายขาว น้ำตาลขาวบริสุทธ์  น้ำตาลธรรมชาติ น้ำตาลเม็ดละเอียด น้ำตาลไอซิ่ง โดยน้ำตาลและน้ำเชื่อมของกลุ่มน้ำตาลไทยรุ่งเรือง เป็นที่ยอมรับในด้านคุณภาพ และการตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างมีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับมาอย่างยาวนาน นอกจากนี้ “น้ำตาลลิน” น้ำตาลสำหรับภาคการบริโภคในครัวเรือนของกลุ่มน้ำตาลไทยรุ่งเรืองก็ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคด้วยดีทั้งด้านคุณภาพและความสร้างสรรค์ด้วยใจ

aphondaworathan