บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ขจัดปริมาณกำจัดขยะด้วยวิธีฝังกลบ ให้เป็นศูนย์
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ขจัดปริมาณกำจัดขยะด้วยวิธีฝังกลบ ให้เป็นศูนย์
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ตั้งเป้าให้สามารถขจัดปริมาณกำจัดขยะด้วยวิธีฝังกลบ ให้เป็นศูนย์ และปัจจุบันสามารถทำได้ตามเป้าหมาย อันจะทำให้พนักงานในสายการผลิตของ บีเอ็มดับเบิลยู มีอุปนิสัยที่จะปฏิบัติงานด้วยความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมต่อไปในอนาคต
ระยอง, บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ตั้งเป้าหมายที่จะขจัดปริมาณขยะด้วยวิธีฝังกลบ ให้เป็นศูนย์ และในวันนี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย สามารถบรรลุเป้าหมายดังกล่าว จนสามารถกล่าวได้ว่า จากสายการผลิตของโรงงานจะไม่มีขยะที่ต้องนำไปฝังกลบอีกต่อไป
จากการที่ไม่ต้องนำของเสียหรือขยะไปฝังกลบ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย เลือกวิธีการในอีกรูปแบบหนึ่งเพื่อรับผิดชอบต่อของเสียหรือขยะที่เกิดขึ้น โดยนำของเสียที่เป็นอันตรายไปผสมใหม่เพื่อใช้ร่วมกับเชื้อเพลิงเพื่อการเผาไหม้ ส่วนของเสียจากโรงอาหาร นำไปเป็นอาหารสัตว์ของชาวบ้านในพื้นที่ และของเสียชนิดอื่นๆ ที่ไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ก็จะนำไปเข้าสู่กระบวนการผลิตให้เป็นเชื้อเพลิงจากขยะ Refuse Derived Fuel (RDF)
ผลจากการลดปริมาณขยะของ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย สร้างผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ให้แก่ชุมชนโดยรอบ ด้วยการลดมลภาวะในอากาศโดยรวม และสนับสนุนให้ประเทศไทย เป็นประเทศที่มีสีเขียว และความสะอาดเพิ่มมากขึ้น
มร. เจฟฟรีย์ กอดิอาโน ประธานกรรมการบริหาร บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย กล่าวว่า “ผมมีความภูมิใจอย่างมาก ที่ความพยายามของพนักงานในโรงงานในประเทศไทย สามารถร่วมกันลดปริมาณของเสียที่เกิดจากสายการผลิตของเราได้ ด้วยการผลิตที่ปราศจากของเสียหรือขยะ ทำให้เราสามารถมุ่งมั่นในการผลิตยานยนต์คุณภาพชั้นเยี่ยม ขณะที่ลดของเสียที่เกิดจากการผลิตไปพร้อมกัน”
ปัจจุบัน โรงงาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ใช้แคมเปญกระตุ้นด้วยการโฆษณา 3R เพื่อโปรโมทการทำงานแบบ การลด reducing, นำกลับมาใช้ใหม่ reusing และ รีไซเคิล recycling ร่วมกัน
สนับสนุนการสร้าง “ระบบสร้างคุณค่าเพิ่มในการผลิต” “Value-added Production System” หรือ VPS ของบีเอ็มดับเบิลยู รวมทั้งสนับสนุนให้มีการปรับปรุงกระบวนการผลิต และแนะนำพนักงานโดยระบุให้ได้ว่าวัสดุนั้นคืออะไร เพื่อหลีกเลี่ยงการกำจัดขยะ ซึ่งโรงงาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ใช้ความพยายามในการขจัดปริมาณขยะด้วยวิธีฝังกลบ ให้เป็นศูนย์ จากหลักการของระบบสร้างคุณค่าเพิ่มในการผลิต ด้วยการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ขยะเป็นศูนย์
ด้วยหลักการที่คล้ายคลึงกันกับ “ความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม” “Corporate Social Responsibility” หรือ CSR ที่มีความคาดหวังหลักเพื่อดำเนินการภายใต้หลักจริยธรรม และการจัดการที่ดี โดยมีส่วนในการรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
โครงการ ความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมนี้ ช่วยให้ลดจำนวนถุงมือใช้แล้วจากสายการผลิต ที่ปัจจุบัน ได้จัดการทำความสะอาดและบริจาคให้แก่เกษตรกรในท้องถิ่น
ขณะที่ดำเนินการลดจำนวนของเสียที่จับต้องได้ ดำเนินต่อไป โรงงาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย ก็ลงมือลดความสิ้นเปลืองทั้งการใช้น้ำ และพลังงาน ขณะเดียวกัน พนักงานของโรงงานร่วมสนับสนุนชุมชนในท้องถิ่นในโครงการเพื่อสังคมซึ่งมีชื่อว่า “แคร์ ฟอร์ วอเตอร์” “Care for Water” โดย บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย จัดงบประมาณในการสนับสนุนการทำกิจกรรมดังกล่าวมากกว่า 500,000 บาท เพื่อถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับระบบการกรองน้ำพร้อมมอบโซลูชั่นดังกล่าวให้แก่คนไทยในพื้นที่ขาดแคลน ได้เข้าถึงการแหล่งน้ำสะอาด โดยแผนงานจะสนับสนุนหมู่บ้านในขอนแก่น และ กำแพงเพชร ด้วยระบบการกรองน้ำสะอาด 200 ชุด ที่จะช่วยให้ชาวบ้านผ่านพ้นวิกฤติภัยแล้ง ขณะเดียวกันก็สามารถจัดหาน้ำสะอาดสำหรับชุมชนได้เช่นกัน
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เป็นสาขาของ BMW AG ประเทศเยอรมนี ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2541 โดยประกอบไปด้วยสามบริษัท ได้แก่ บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบด้านการขายและการตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบด้านการผลิตรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ภายใต้แบรนด์ บีเอ็มดับเบิลยู มินิ และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด และบริษัท บีเอ็มดับเบิลยู ลิสซิ่ง (ประเทศไทย) จำกัด รับผิดชอบด้านบริการทางการเงินสำหรับผู้จำหน่ายรถยนต์และลูกค้าบุคคล
ในปี 2558 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังคงประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องด้วยสถิติยอดขายประจำปีสูงสุดของทั้งบีเอ็มดับเบิลยู มินิและบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด กับยอดส่งมอบรวมกว่า 10,000 คัน ซึ่งในจำนวนนี้ มียอดส่งมอบรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู และมินิ จำนวน 8,768 คัน เพิ่มขึ้น 5 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด 1,280 คัน เพิ่มขึ้น 83 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า รวมเป็นสถิติยอดส่งมอบของทั้งสามแบรนด์ที่ 10,048 คันในปี 2558 ซึ่งเป็นสถิติที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เริ่มดำเนินธุรกิจในประเทศไทย และนับเป็นการสร้างสถิติแห่งความสำเร็จของแต่ละแบรนด์ ทั้งบีเอ็มดับเบิลยู มินิและบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด
โรงงานของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย เป็นเครื่องสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ที่มีต่อตลาดในทวีปเอเชีย โดยเฉพาะตลาดประเทศไทย ว่าเป็นตลาดที่สามารถเติบโตได้อย่างมีนัยยะสำคัญ และด้วยความเป็นเอกลักษณ์ของสถานที่ตั้ง ฐานการผลิตที่แข็งแกร่ง และพนักงานผู้เชี่ยวชาญในด้านยนตรกรรม ทำให้บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย เป็นศูนย์กลางการประกอบยนตรกรรมของบีเอ็มดับเบิลยูในภูมิภาคอาเซียน สำหรับในปี 2559 นี้ จะมีการลงทุนเพิ่มอีก 488 ล้านบาท เพิ่มเติมจากยอดเงินลงทุนที่ผ่านมาทั้งสิ้นกว่า 3.7 พันล้านบาท เพื่อรองรับการขยายกระบวนการประกอบภายในโรงงานและเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ สืบเนื่องจากการจัดซื้อชิ้นส่วนยานยนต์จากประเทศไทยในแต่ละปีเป็นจำนวนมากเพื่อป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตในประเทศและเพื่อส่งออก คิดเป็นมูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาทต่อปี บีเอ็มดับเบิลยูจึงเตรียมจัดตั้งสำนักงานจัดหาชิ้นส่วนยานยนต์ขึ้นในประเทศไทยด้วย เพื่อจัดหาชิ้นส่วนยานยนต์จากซัพพลายเออร์ในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน เพื่อรองรับเครือข่ายการผลิตของบีเอ็มดับเบิลยู 31 แห่ง ใน 14 ประเทศทั่วโลก
ในปี 2555 บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ได้จับมือกับพันธมิตรเพื่อนำแนวคิดของระบบการศีกษาแบบทวิภาคมาปรับใช้งานในประเทศไทย ภายใต้ความร่วมมือกับหอการค้าไทยเยอรมัน (GTCC) ร่วมกับองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) จนเกิดเป็นโครงการการศึกษาระบบทวิภาคีเยอรมัน-ไทย (German-Thai Dual Excellence Education (GTDEE) ซึ่งอยู่ภายใต้ขอบเขตของโครงการ BMW Service Apprentice Program และมีจุดมุ่งหมายเพื่ออบรมความรู้และฝึกฝนทักษะในสายงานด้านช่างเทคนิคให้แก่นักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งนอกจากการเรียนรู้ด้านทฤษฎีแล้ว ยังรวมถึงการอบรมที่ศูนย์ฝึกอบรมของบีเอ็มดับเบิลยู และร่วมปฏิบัติงานกับช่างเทคนิคผู้เชี่ยวชาญจากผู้จำหน่ายบีเอ็มดับเบิลยูอย่างเป็นทางการ ความร่วมมือในโครงการดังกล่าวนี้ได้ช่วยให้เกิดการพัฒนาความสามารถของนักศึกษาให้เติบโตต่อยอดไปสู่การสร้างแรงงานฝีมือที่เปี่ยมด้วยทักษะ พร้อมร่วมขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำด้านศูนย์กลางการผลิตยนตรกรรมระดับโลก
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม:
บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย
1-800-269-269