บางจากลุยพลังงานแสงอาทิตย์ผลิตไฟใช้เองติดโซลาร์เซลล์หลังคาปั๊ม

บางจากทุ่มงบ 5 หมื่นล้านบาทลุยพลังงานแสงอาทิตย์ หวังแก้ปัญหาไฟฟ้าขาดแคลนหลังนิวเคลียร์เลื่อน เล็ง ติดแผงโซลาร์เซลล์ปั๊มน้ำมันทั่วประเทศ แนะรัฐขยายเพดานรับซื้อแสงอาทิตย์และเพิ่มแอดเดอร์จูงใจ

นายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำ กัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บาง จากคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประ มาณ 50,000 ล้านบาท ในการตั้งบริษัท บางจากโซลาร์ เอ็นเนอร์ยี จำกัด เพื่อรุกธุร กิจผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอา ทิตย์ โดยวางเป้าหมายลงทุนผลิตไฟฟ้ารวม 500 เมกะวัตต์ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนติดตั้งแผงเซลล์แสงอาทิตย์บนหลังคาอาคารสถานีบริการน้ำมันบางจากทั่วประเทศ ซึ่งมีพื้นที่กว่า 250,000 ตารางเมตร รองรับนโยบายส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์บนหลังคาบ้าน (Roof-Top  PV) ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นส่วน หนึ่งของการพัฒนาพลังงานสะอาด เพื่อมุ่งสู่การเป็นบริ ษัทที่มีการปล่อยคาร์บอนได ออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์

ทั้งนี้ ปัจจุบันประเทศ ไทยมีการใช้ไฟฟ้า 30,000 เมกะวัตต์ และมีความต้อง การใช้เพิ่มขึ้นปีละประมาณ 10,000 เมกะวัตต์ ประกอบกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของไทยต้องเลื่อนออกจากแผน หลังโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในญี่ปุ่นได้รับความเสียหายจากปัญหาแผ่นดินไหวและสึนามิจนเกิดการรั่วไหลของสารกัมมันตรังสี

"การผลิตไฟฟ้าจากแสง อาทิตย์ถือเป็นทางออกสำ คัญที่จะทดแทนโรงไฟฟ้านิว เคลียร์ นอกจากโรงไฟฟ้าก๊าซ ธรรมชาติและถ่านหิน เนื่อง จากประเทศไทยมีศักยภาพสูง ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้ประเทศในระ ยะยาวได้" นายอนุสรณ์กล่าว

สำหรับโครงการผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ของบางจาก (ซันนี่ บางจาก) ขณะนี้มีสัญญาจำหน่ายไฟฟ้ารวม 118 เมกะวัตต์ โดยโครงการระยะแรกขนาด 38 เมกะวัตต์ ที่อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา บนพื้นที่กว่า 500 ไร่ มีความก้าว หน้าในการก่อสร้างประมาณ 70% คาดว่าจะเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าให้การไฟฟ้าได้ภายในเดือน ต.ค.2554 รวมทั้งมี การก่อสร้างศูนย์เรียนรู้พลัง งานทดแทนครบวงจรแห่งแรก ของประเทศไทยอยู่ในโครงการ ด้วย

ส่วนโครงการระยะ 2 ขนาด 32 เมกะวัตต์ ขณะนี้อยู่ระหว่างออกประมูลจัดซื้อแผงเซลล์แสงอาทิตย์และจัดจ้างผู้รับเหมาติดตั้ง คาดว่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ในไตรมาส 4 ปีนี้ หลังจากนั้นจึงจะเริ่มพัฒนาโครงการส่วนที่เหลือขนาด 48 เมกะวัตต์ในปีถัดไป

นายอนุสรณ์กล่าวว่า ภาครัฐควรพิจารณาเพิ่มการ ส่งเสริมการใช้พลังงานแสงอาทิตย์จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ 500 เมกะวัตต์ ภายในปี 2565 เพิ่มเป็นไม่น้อยกว่า 2,500 เมกะวัตต์ ช่วยชดเชย การผลิตไฟฟ้าจากนิวเคลียร์ที่ต้องเลื่อนออกไปได้ถึง 20% ซึ่งปริมาณการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ดังกล่าวยังถือ ว่าน้อยมากหากเปรียบเทียบ กับประเทศในยุโรปหรือสห รัฐอเมริกา ขณะเดียวกันควรพิจารณากำหนดโครงสร้างราคาส่วนเพิ่มรับซื้อไฟฟ้า (แอดเดอร์) ที่จูงใจนักลงทุน และส่งเสริมให้มีโครงการขนาดเล็กกระจายออกไปยังพื้นที่ที่เหมาะสมอย่างกว้างขวาง เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อเสถียรภาพของระบบการจ่ายไฟฟ้า.

ที่มา: http://www.corehoononline.com/