คอฟฟี่ บีนเนอรี่?กาแฟเหนือกว่ากาแฟ!
คอฟฟี่ บีนเนอรี่…กาแฟเหนือกว่ากาแฟ!
แม้ว่าผลการวิเคราะห์ของนักการตลาดจะระบุว่าธุรกิจกาแฟทั้งกาแฟสดและสำเร็จรูปยังขยายตัวได้อีกมาก แต่ในเชิงการแข่งขันถือว่าเป็นสนามแข่งที่เข้มข้นมาก โดยเฉพาะตลาดกาแฟสำเร็จรูปที่มีส่วนแบ่งในตลาด 80% อยู่ในมือของแบรนด์ข้ามชาติเนสกาแฟด้วยสินค้าที่สามารถตอบโจทย์ให้แก่ทุกกลุ่ม ทั้งคนทำงานออฟฟิศ วัยรุ่นตลอดจนกลุ่มบูลคอลลาร์
ทางเลือกสำหรับแบรนด์ไทยที่ไม่ต้องชนกับช้างจึงอยู่ที่กาแฟพรีเมียมเห็นได้จาก "คอฟฟี่ บีนเนอรี่" บริษัทกาแฟแบบครบวงจรของคนไทย ที่โลดแล่นอยู่บนเส้นทางนี้มากว่า 60 ปี ส่ง "กาแฟออร์แกนิค" ลงสู่ตลาดเพื่อเป็นทางเลือกใหม่ให้แก่ผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งสร้างความแตกต่างให้กับธุรกิจประเภทเดียวกัน
กาแฟออร์แกนิคของคอฟฟี่บีนเนอรี่ยังสร้างความชัดเจนเหนือชั้นขึ้นไปอีกกับความเป็น "กาแฟออร์แกนิคที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน" (Certified Organic Coffee) ในชื่อ Zolito ขณะที่กาแฟออร์แกนิคในตลาดเกือบทั้งหมด เป็นการกล่าวอ้างเฉยๆ ของผู้ประกอบการ ซึ่งไม่มีการรับรองจากหน่วยงานระดับสากล ด้วยเหตุนี้ คอฟฟี่บีนเนอรี่เชื่อมั่นว่า การรุกตลาดด้วย Certified Organic Coffee จะเพิ่มยอดขายทั้งในประเทศและต่างประเทศได้ถึง 200% ในปีนี้
สร้างธรรมชาติเขียวเพื่อกาแฟสีเขียว
คอฟฟี่บีนเนอรี่ส่งเสริมการปลูกกาแฟออร์แกนิคและสร้างกลุ่มเกษตรกรหัวใจสีเขียวในพื้นที่ดอยหลวง จ.เชียงราย ตั้งแต่ปี 2549 จัดให้มีการบริหารจัดการไร่กาแฟออร์แกนิคที่ดี เริ่มตั้งแต่การวางแผนการปลูกแทรกไปกับต้นไม้ในธรรมชาติ เพื่อให้ได้ผลิตผลที่มีรสชาติ กลิ่น สี อิงธรรมชาติมากที่สุด แทนการปลูกในลักษณะไร่สวนที่แออัดไปด้วยกาแฟเพียงอย่างเดียว
พร้อมทั้งส่งเสริมให้ใช้ปุ๋ยชีวภาพที่ผลิตขึ้นเองในชุมชนปราศจากการพึ่งพาสารเคมีต่อเนื่องมากกว่า 3 ปี สภาพแวดล้อมรอบข้างทั้งดิน แหล่งน้ำ อากาศ พืชพันธุ์ รวมถึงสิ่งมีชีวิตอื่นๆ รับรองว่าปราศจากการปนเปื้อนของสารเคมีทั้งหมด
อัคคพันธ์ ลีวุฒินันท์ กรรมการผู้จัดการคอฟฟี่บีนเนอรี่ กล่าวว่า แม้การลงทุนผลักดันให้เกิดธุรกิจกาแฟออร์แกนิค จะต้องใช้ต้นทุนสูงและได้ผลผลิตน้อยกว่า แต่เมื่อมองในมุมของความสำเร็จถือว่าคุ้มค่า เพราะไม่เพียงได้มีส่วนร่วมลดโลกร้อน ยังสร้างมูลค่าเพิ่มให้เมล็ดกาแฟ ส่วนเกษตรกรมีรายได้เพิ่มจากผลผลิตที่มีคุณภาพดีอีกด้วย
ที่ผ่านมาคอฟฟี่บีนเนอรี่ส่งออกผลิตภัณฑ์กาแฟออร์แกนิคที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ไปยังกลุ่มตลาดสหภาพยุโรปและวางแผนขยายการส่งออกให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ยังมีปริมาณที่น้อยกว่าความต้องการของตลาดอยู่มาก เนื่องจากข้อกำหนดด้านการปลูกและการผลิตที่ต้องได้มาตรฐานในทุกขั้นตอน จึงมีไม่กี่รายในโลกที่สามารถทำได้ผ่านมาตรฐานการรับรองดังกล่าว
"กาแฟออร์แกนิคที่บริษัทผลิตได้ตอนนี้มีไม่มากเพียง 2-3 ตันต่อปี ในตลาดโลกและไทยเองยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก อุปสรรคสำคัญอยู่ที่ผลผลิตที่ไม่เพียงพอ เนื่องจากไม่สามารถบอกใครต่อใครให้หันมาปลูกกาแฟออร์แกนิคพร้อมเพรียงกันทั่วประเทศ" อัคคพันธ์ กล่าว
ขยายกลุ่มลูกค้ากรีนมาร์เก็ต
คอฟฟี่บีนเนอรี่ทำธุรกิจกาแฟโบราณแบรนด์นกอินทรีมาถึง 3 ชั่วอายุคน รวมถึงการส่งออกเมล็ดกาแฟดิบของไทยไปในยุโรปอเมริการวมทั้งในเอเชีย โดยตั้งความคาดหวังว่าผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคจะช่วยการขยายตลาดเก่า
และเพื่อตอบโจทย์คอกาแฟกลุ่มรักโลกรักสิ่งแวดล้อมในไทยคอฟฟี่บีนเนอรี่จึงนำผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคดังกล่าว มาพัฒนาประยุกต์ให้เข้ากับแผนธุรกิจของสินค้าทุกกลุ่มในเครือ เช่น เมล็ดกาแฟคั่วโซลิโต้และธารามายา กาแฟออร์แกนิคแบบถ้วยพร้อมชง การบริการธุรกิจจัดเลี้ยงโดยโซเวนเต้ และธุรกิจคีออสกาแฟอีเกิล คอฟฟี่ ซึ่งทุกกลุ่มพร้อมเสนอสู่ตลาดและเปิดให้บริการแล้ว
"การที่ผู้บริโภคจะมั่นใจได้ว่า กาแฟที่เลือกซื้อนั้นเป็นออร์แกนิคที่ได้มาตรฐานหรือไม่ สามารถพิจารณาได้จากการรับรองมาตรฐานการปลูก ตลอดจนได้รับการรับรองทุกขั้นตอนการผลิต จากหน่วยงานที่ทำหน้าที่รับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์โดยตรง และที่เป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์ หรือที่เรียกว่าผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค ที่มีอยู่ทั่วไปในตลาดนั้น ต้องดูว่าได้รับการรับรองมาตรฐานหรือไม่ จากหน่วยงานที่เป็นที่ยอมรับหรือไม่ อันนี้น่าจะเป็นสิงที่ผู้บริโภคต้องให้ความสำคัญด้วยเช่นกัน" อัคคพันธ์กล่าว
ด้วยเหตุนี้คอฟฟี่บีนเนอรี่จึงเดินหน้านำเสนอข้อมูล เพื่อย้ำให้คอกาแฟทราบว่า Zolito แตกต่างจากกาแฟออร์แกนิคทั่วไป
ที่มา: http://eureka.bangkokbiznews.com/detail/400159