http://www.csrcom.com/
True ปลูกปัญญา
CSR เด่น

Water for Life ของ ไทยเอเชีย

Water for Life ของ ไทยเอเชีย

 บริษัท ไทยเอเชีย แปซิฟิค บริวเวอรี่ จำกัด น้อมนำแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในการบำบัดน้ำเสียด้วยวิธีธรรมชาติช่วยธรรมชาติ โดยความร่วมมือของโครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ยอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และวิทยาลัยสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์  ร่วมกันจัดทำโครงการ

          น้ำเพื่อชีวิตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการบำบัดน้ำเสีย โดยวิธีธรรมชาติช่วยธรรมชาติ โดยอาศัยการทำงานร่วมกันระหว่างพืชและจุลินทรีย์ในดินบนแปลงทดลองพื้นที่ 5 ไร่ ของโรงงานผลิต ที่จังหวัดนนทบุรี นับเป็นโรงงานอุตสาหกรรมเครื่องดื่มรายแรก ที่ได้นำระบบบำบัดน้ำเสียจากโครงการแหลมผักเบี้ยฯ มาทดลองปฏิบัติจริง และได้วางเป้าหมายจะให้เป็นต้นแบบและเป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับชุมชนและหน่วยงานอื่นๆ ที่สนใจ

          โดยได้จัดพื้นที่กว่า 5 ไร่ สร้างแปลงทดลองโครงการวิจัยเพื่อประสิทธิภาพการบำบัดน้ำเสีย ร่วมกับโครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ยอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และวิทยาลัยสิ่งแวดล้อมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์         

          คณะนักวิจัยจากโครงการแหลมผักเบี้ยและวิทยาลัยสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์ ได้ใช้เวลาในการทำการศึกษา เกือบ 2 ปี เพื่อหาวิธีการที่เหมาะสมกับพื้นที่และสภาพแวดล้อมของโรงผลิตเบียร์ โดยในที่สุด ได้เลือก 2 วิธีการ คือพื้นที่ชุ่มน้ำเทียมและหญ้ากรองน้ำเสีย เพื่อทดลองในแปลงทดลองบนพื้นที่ กว่า 5 ไร่ ที่โรงผลิตเบียร์ จังหวัดนนทบุรี คณะทำงานได้จัดสร้างแปลงทดลองในระยะเริ่มต้น 5 แปลง ทำการปลูกพืชที่หาได้ง่ายในท้องถิ่น 4 ชนิด ได้แก่ ธูปฤาษี พุทธรักษา หญ้าคาลล่า และหญ้าสตาร์


 

    ในขั้นตอนการวิจัย น้ำเสียจะถูกปล่อยเข้าแปลงทดลอง ที่มีขนาดกว้าง 5 เมตร ยาว 100 เมตร ซึ่งการบำบัดน้ำเสียโดยวิธีธรรมชาติช่วยธรรมชาติ จะอาศัยการทำงานร่วมกันระหว่างพืชและจุลินทรีย์ในดินช่วยบำบัดสิ่งสกปรกจากน้ำ ในระบบพื้นที่ชุ่มน้ำเทียม จะใช้วิธีปล่อยให้น้ำเสียไหลเข้าแปลงอย่างต่อเนื่อง โดยน้ำเสียจะไหลอย่างช้าๆภายในแปลงเป็นระยะเวลา 1 วัน ซึ่งจะเกิดกระบวนการบำบัดตามระยะทาง จากนั้นน้ำที่ผ่านการบำบัดจะไหลออกสู่แหล่งน้ำต่อไป ในขณะที่ระบบพืชหญ้ากรองน้ำเสีย จะเป็นการปล่อยน้ำเสียเข้าสู่แปลง และขังไว้ 5 วัน ซึ่งจะเกิดกระบวนการบำบัดตลอดระยะเวลา 5 วัน แล้วจึงปล่อยออกสู่แหล่งน้ำ จากนั้นทิ้งให้ดินแห้ง 2 วัน จึงเริ่มปล่อยน้ำเสียเข้าสู่ระบบบำบัดหมุนวนเช่นนี้ไปเรื่อยๆ

          วิธีธรรมชาติช่วยธรรมชาติ คือการที่แบคทีเรียในดิน ช่วยย่อยสลายสิ่งสกปรกที่อยู่ในน้ำเสีย ในขณะเดียวกัน พืชที่ปลูกภายในแปลงจะเป็นผู้ที่ช่วยจัดหาออกซิเจนจากอากาศมาปลดปล่อยยังบริเวณรากเพื่อเป็นแหล่งพลังงานให้แบคทีเรียในดิน ออกซิเจนที่เพิ่มขึ้น ผนวกกับสภาพอากาศที่ร้อนชื้นของประเทศไทย เป็นตัวเร่งให้แบคทีเรียเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว และเพิ่มประสิทธิภาพในการช่วยบำบัดสิ่งสกปรกในน้ำ เพื่อน้ำเสียที่ผ่านการบำบัดแล้ว จะมีคุณภาพที่ดียิ่งขึ้น ใช้เทคโนโลยีง่ายๆ ไม่ซับซ้อน วัตถุดิบหาได้ตามท้องถิ่น และช่วยสร้างรายได้เสริม ให้ชุมชน

          โครงการน้ำเพื่อชีวิต เป็นการน้อมนำแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงให้แนวทางการบำบัดน้ำเสียแบบธรรมชาติช่วยธรรมชาติ ด้วยเทคโนโลยีที่ง่าย ไม่ซับซ้อน ค่าใช้จ่ายต่ำ และยังเป็นแหล่งสร้างรายได้เสริมให้กับชุมชนในท้องถิ่น ที่มาช่วยกันปลูก ดูแล ซึ่งพืชในแปลงทดลอง คือ ธูปฤาษี พุทธรักษา และหญ้าเลี้ยงสัตว์ ที่มีวัฏจักรในการเติบโตและการดูดซึมสารอาหารในระยะเวลาจำกัด จึงต้องมีการตัดและปลูกใหม่ทุกๆ 45 วันและ 90 วันโดยขึ้นอยู่กับพืชแต่ละชนิด

          การตัดและการปลูกพืชเหล่านี้ ทำโดยชาวบ้านในชุมชน โดยการให้คำแนะนำและควบคุมของคณะนักวิจัยจากโครงการศึกษาวิจัยแหลมผักเบี้ยอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และวิทยาลัยสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พืชที่ตัดไปแล้ว ชาวบ้านยังสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการเลี้ยงสัตว์ ทำหัตถกรรมจักสาน หรือทำโครงสำหรับจัดดอกไม้ซึ่งเป็นอาชีพเสริมภายในหมู่บ้าน


 

 และยังสร้างศาลา พื้นที่จัดนิทรรศการ ให้เป็นแหล่งศึกษาสำหรับธุรกิจและชุมชนอื่นๆ เพื่อประยุกต์นำไปใช้ประโยชน์ต่อไปในพื้นที่ของโครงการน้ำเพื่อชีวิต บริษัท ไทยเอเชีย แปซิฟิค บริวเวอรี่ จำกัด ยังได้จัดสร้างศาลา เพื่อเป็นพื้นที่จัดนิทรรศการโครงการตามแนวพระราชดำริ รวมถึงขั้นตอนและวิธีการเพิ่มประสิทธิภาพการบำบัดน้ำเสียด้วยวิธีธรรมชาติช่วยธรรมชาติ เพื่อให้ผู้สนใจได้เข้ามาศึกษาหาความรู้ นำแนวทางตามพระราชดำริไปประยุกต์และหาวิธีการที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดประโยชน์ ทั้งด้านการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติและการสร้างประโยชน์ให้กับชุมชน

          ผลสำเร็จของโรงงานจะเป็นส่วนสำคัญยิ่งในการสนองเบื้องพระยุคลบาทในการนำแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมและเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมรักษาสิ่งแวดล้อมให้คงอยู่อย่างยั่งยืนตลอดไป

 ที่มา: http://www.tapb.co.th/th     /   บางกอกพีอาร์

 

 

aphondaworathan