http://www.csrcom.com/
True ปลูกปัญญา
CSR เด่น

ข้าวต้ม...ลดโลกร้อน!

ข้าวต้ม...ลดโลกร้อน!

 

 


ถึงเวลานี้ คงไม่มีใครปฏิเสธแล้วว่า ไม่รู้จักปรากฏการณ์สำคัญของโลกที่เรียกว่า ภาวะโลกร้อน (Global warming) ที่ผ่านมา ภาคเหนือและภาคอีสานของประเทศไทยต้องเผชิญกับอากาศหนาวจัดกว่าหลายปีที่ผ่านมา ขณะที่ภาคกลางประสบกับปัญหาน้ำท่วมหนักอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน ส่วนภาคใต้ก็เจอกับพายุที่รุนแรงขึ้น ปัญหาทะเลกัดเซาะชายฝั่งเข้ามาลึกมากขึ้น เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๐ คณะกรรมการนานาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ (IPCC) ซึ่งประกอบด้วยนักวิทยาศาสตร์กว่า ๒,๕๐๐ คน จาก ๑๓๐ ประเทศ ได้พบข้อสรุปอย่างชัดเจนแล้วว่า สาเหตุของปัญหาโลกร้อน นั้น ร้อยละ ๙๐ มาจากการที่ มนุษย์เผาผลาญเชื้อเพลิงฟอสซิล ส่งผลให้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศมากเกินไป จนความร้อนจากพื้นโลกไม่สามารถสะท้อนออกนอกโลกได้ ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศอย่างรุนแรงไปทั่วโลก  ดังนั้นภารกิจที่เหล่ามนุษยชาติต้องรับผิดชอบร่วมกันก็คือ ลดการเผาผลาญเชื้อเพลิงและปล่อยก๊าซคารบอร์ไดออกไซด์ลงให้มากที่สุด เพื่อต่อเวลาให้กับโลกใบนี้ให้ยาวยิ่งขึ้น

    ถุงพลาสติกที่เราใช้รองรับสินและอาหาร ผลิตจากเม็ดพลาสติก จากอุตสาหกรรม ปิโตรเคมี ที่ใช้เพลิงฟอสซิลเป็นวัตถุดิบการผลิตถุงพลาสติกสามารถทำได้อย่างรวดเร็ว ในปริมาณมาก และด้วยต้นทุนที่ต่ำ เมื่อนำมาใช้จะมีอายุการใช้งานสั้น และส่วนใหญ่เป็นการใช้เพียงครั้งเดียว โดยเฉพาะถุงขนาดเล็กและบางถุงที่ผ่านการใช้งานแล้วและถูกนำไปทิ้งจะเป็นภาระในการเก็บขน และจัดการเป็นอย่างมาก เนื่องจากคุณลักษณะที่เบาบาง และมีปริมาณมากปะปนกับมูลฝอยประเภทอื่นๆ จะทำให้การย่อยสลายมูลฝอย เป็นไปได้ยากมากยิ่งขึ้น

ต้นเหตุสำคัญคือ ร้อยละ 90 มาจากมนุษย์ สร้างกิจกรรมเผาผลาญเชื้อเพลิง ส่งก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ – CO2 ขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศมากเกินความสามารถของโลกที่จะสะท้อนความร้อนจากพื้นโลกออกไปนอกโลกได้ทัน ผลคือ เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศอย่างรุนแรงทั่วโลก ซึ่งล้วนแต่เป็นผลกระทบระดับมหันตภัยทั้งสิ้น เช่น

          • พายุหมุนที่เกิดถี่ และรุนแรงมากขึ้น

          ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นจากการละลายของน้ำแข็งขั้วโลก

          สภาพอากาศที่แปรปรวน จนยากจะคาดเดา

          ฤดูกาล และวงจรการเกษตรเปลี่ยนแปลง

          โรคระบาดใหม่ๆ เป็นต้น

 ความเกี่ยวโยงระหว่างการใช้ถุงพลาสติกกับโลกร้อนคือ ยิ่งมีการใช้ถุงพลาสติกมากเท่าไหร่ ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ถูกล่อยสู่ชั้นบรรยากาศโลก จากการเผาไหม้ในกิจกรรมการผลิต และเผาทำลายถุงพลาสติกก็จะยิ่งสูงมากขึ้น ตามมาด้วยปัญหามากมายจากมลพิษ

  ถุงพลาสติกมีผลทำให้เกิดภาวะโลกร้อน ซึ่งถุงพลาสติก 1 ใบ ต้องใช้เวลาย่อยสลายถึง 450 ปี หากนำไปเผาก็จะทำให้เกิดสารประกอบไฮโดรคาร์บอน ซึ่งทำให้เกิดมลภาวะทำให้โลกร้อน



จากเหตุผลดังกล่าว  บริษัท พรานทะเล มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้ผลิตสินค้า  พรานทะเล จึงใช้นโยบาย  Green Marketing เพื่อช่วยลดต้นทุน และลดภาวะโลกร้อน ด้วยการนำร่องเมนูข้าวต้ม เปลี่ยนบรรจุภัณฑ์มาใช้แบบถุง และปรับลดราคาลงมา 10 บาท ตั้งเป้ายอดขายเมนูข้าวต้มเพิ่ม 15% หรือ 100 ล้านบาท และคาดว่าภายใน 1 2 ปีข้างหน้าจะปรับเป็น Green Product ทุกผลิตภัณฑ์

 

 คุณอนุรัตน์  โค้วคาสัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายการตลาดและฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท พรานทะเล มาร์เก็ตติ้ง จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันราคาต้นทุนวัตถุดิบอาหารทะเลปรับสูงขึ้น เช่น ปลาแซลมอน จากราคา 190 บาทต่อกิโลกรัม ปรับขึ้นเป็น 290 บาทต่อกิโลกรัม เช่นเดียวกับราคากุ้งเพิ่มขึ้นมา 30% โดยสาเหตุหลักมาจากภาวะโลกร้อน ส่งผลให้เกิดภัยพิบัติทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วม ความหนาวเย็น เป็นต้น ขณะเดียวกันต้นทุนแพคเกจจิ้งพลาสติกสูงขึ้น 10 – 20%

ดังนั้นบริษัท มีนโยบายปรับตัวรับภาวะต้นทุนวัตถุดิบ ได้แก่ นำนวัตกรรมลดโลกร้อนมาใช้, ปรับลดแพคเกจจิ้งที่ไม่จำเป็น และใช้วิธีการปรับน้ำหนักผลิต แทนการปรับขึ้นราคาสินค้า เช่น จากเดิม 150 กรัม ลดเหลือ 130 กรัม เพราะถ้าปรับราคาขึ้น 30 – 40% ผู้บริโภคจะรับไม่ได้

ซึ่งบริษัทฯ ได้เปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ข้าวต้มพรานทะเลและพรานไพรจากถ้วยพลาสติกเป็นรูปแบบถุง ทำให้สามารถลดต้นทุนบรรจุภัณฑ์ได้ และปรับลดราคาสินค้าลง 10 บาท ขณะที่ปริมาณสินค้าเพิ่มขึ้น จากเดิมราคา 49 บาท ปรับมาเป็น 29-39 บาท ซึ่งเป็นการช่วยลดภาวะโลกร้อนเนื่องจากสามารถลดการใช้พลาสติกได้ 65% หรือประมาณ 63 ตันต่อปี เทียบเท่าการประหยัดพลังงานไฟฟ้า 200,000 กิโลวัตต์ หรือการปิดหลอดไฟนีออน 3,000 ดวง ตลอดระยะเวลา 1 ปี และเพิ่มการขนส่งได้ครั้งละมากขึ้นอีก 50% เมื่อเทียบกับบรรจุภัณฑ์แบบเดิม ซึ่งประหยัดน้ำมันดีเซล เฉลี่ยต่อแพค ลดลงถึง 33% และลดค่าเสื่อมของพาหนะ เฉลี่ยต่อแพค ลดลงอีก 33% ลดจำนวนเที่ยวรถขนส่งลงได้ครึ่งหนึ่ง

นอกจากนี้ยังเพิ่มพื้นที่การจัดวางสินค้าในตู้แช่ได้เพิ่มมากขึ้นอีก 50% ประหยัดค่าไฟฟ้า เฉลี่ยต่อ Pack ลดลง 50% แน่นอนว่า ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้เพิ่มอีกครึ่งหนึ่ง สุดท้าย คนที่ได้มากที่สุด คือ ผู้บริโภคได้อร่อยกับข้าวต้มในปริมาณชิ้นปลา กุ้งที่ใหญ่และมากขึ้น แต่ราคาถูกลงถึง15% และยังสะดวก! ซื้อได้ครั้งละมากขึ้น ตุนข้าวต้มในช่อง Freeze ได้เพิ่มอีกเท่าตัว  ประหยัดทั้งเวลา น้ำมัน ไม่ต้องออกไปซื้อบ่อยๆ  และประหยัดค่าไฟฟ้า เพราะอุ่นได้เร็วขึ้น...

 และถึงแม้การเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ใหม่ จะมีส่วนทำให้ความสะดวกสบายในการบริโภคลดลง แต่ผู้บริโภคก็ยังยินดีที่จะซื้อ เนื่องจากราคาข้าวต้มราคาถูกลง เห็นได้จากยอดขายข้าวต้มลดโลกร้อน ทำยอดขายได้ 70% 

นอกจากนี้เพื่อเป็นการสื่อสารไปสู่กลุ่มเป้าหมาย บริษัทฯ ได้ทุ่มงบ 10 ล้านบาท เปิดตัวแคมเปญการประกวดคลิป คอนเทสต์ เชื่อหรือไม่ กินข้าวต้มพรานทะเล ก็ลดโลกร้อนได้ในหมู่นิสิตนักศึกษาทั่วประเทศ เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมในกิจกรรม โดยบริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมายยอดรวมของผลิตภัณฑ์ข้าวต้มประมาณ 100 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ 15%”

  ทั้งหมดนี้คือแนวคิดเริ่มต้น ที่ได้ทำออกมาแล้ว  เพื่อลดโลกร้อน ของ พรานทะเล  จะเห็นได้ว่ากลยุทธ ที่พรานทะเลใช้ สามารถ ลดได้ทั้งต้นทุน และ ลดภาวะโลกร้อน ได้อย่างมากมาย สิ่งเล็กๆ เพียงการเปลี่ยน บรรจุภัณฑ์ กลับทำให้มีผลดีต่อทั้งธุรกิจ  และโลกของเรา และนอกจากนี้  ผมว่าแนวคิดแบบนี้ใช้ได้ในหลายๆธุรกิจเลย ลองช่วยกันนะครับ

 

 

ที่มา: สนุก!พีเดีย   /  http://www.brandage.com

 

 



 

 

 

 


เรียบเรียงโดย ทีม CSRcom.com

 

aphondaworathan