Henkel บรรลุเป้าหมายความยั่งยืนระหว่างปี 2554 ? 2558
Henkel บรรลุเป้าหมายความยั่งยืนระหว่างปี 2554 – 2558
ดูสเซลดอร์ฟ – เฮงเค็ลบรรลุเป้าหมายระหว่างการดำเนินกลยุทธ์ความยั่งยืนสำหรับปี พ.ศ. 2573 พร้อมกำหนดหมุดใหม่สำหรับปี พ.ศ. 2563 และเผยแพร่รายงานความยั่งยืนฉบับที่ 25 ทั้งนี้ รายงานความยั่งยืนฉบับแรกได้รับการตีพิมพ์ในปี พ.ศ. 2535 หรือเมื่อเกือบ 25 ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นปีของการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยสภาพแวดล้อมและการพัฒนาในนครริโอ เดอ จาเนโร
“ปี พ.ศ. 2558 นับเป็นปีที่มีความสำคัญสำหรับเฮงเค็ล เราบรรลุเป้าหมายระหว่างการดำเนินการช่วงห้าปีแรกของกลยุทธ์เพื่อความยั่งยืนระยะยาวสำหรับปี พ.ศ. 2573 แต่เราไม่ได้หยุดเพียงเท่านี้ เราได้คิดล่วงหน้าไปถึงอนาคตแล้ว เราได้พัฒนาเป้าหมายใหม่อันทะเยอทะยานยิ่งขึ้นสำหรับปี พ.ศ. 2563 เพื่อขับเคลื่อนความยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง และขยายขอบเขตการดำเนินการเพิ่มเติมตลอดห่วงโซ่อุปทานทั้งหมด” แคธริน เมนเกส รองประธานบริหารฝ่ายทรัพยากรบุคคลและประธานสภาความยั่งยืนของเฮงเค็ลกล่าว
บรรลุเป้าหมายระหว่างการดำเนินการ – ความทะเยอทะยานใหม่สำหรับปี พ.ศ. 2563
ประสบความสำเร็จมากขึ้นด้วยการใช้ทรัพยากรน้อยลง และเพิ่มประสิทธิภาพขึ้นสามเท่าภายในปี พ.ศ. 2573 คือเป้าหมายแห่งกลยุทธ์ความยั่งยืนของเฮงเค็ล บริษัทฯ ได้สร้างความก้าวหน้าอย่างยอดเยี่ยมและบรรลุเป้าหมายเฉพาะกาลระหว่างปี พ.ศ. 2554 – 2558
· ประสิทธิภาพของการใช้พลังงานเพิ่มขึ้น 18 เปอร์เซ็นต์
· การใช้น้ำมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 23 เปอร์เซ็นต์
· การควบคุมปริมาณของเสียดีขึ้น 17 เปอร์เซ็นต์
· ความปลอดภัยอาชีวะดีขึ้น 33 เปอร์เซ็นต์
· ยอดขายเพิ่มขึ้น 11 เปอร์เซ็นต์
โดยภาพรวม เฮงเค็ลได้ปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างการเพิ่มมูลค่า และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้น 38 เปอร์เซ็นต์ สำหรับเป้าหมายใหม่ภายในปี พ.ศ. 2563 บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นลดปริมาณมลพิษคาร์บอนไดออกไซด์ของฝ่ายการผลิต ลดการใช้น้ำและลดปริมาณของเสียลง 30 เปอร์เซ็นต์ต่อผลิตภัณฑ์หนึ่งตันเมื่อเทียบกับปี พ.ศ. 2553 ความปลอดภัยอาชีวะจะดีขึ้น 40 เปอร์เซ็นต์และยอดขายเพิ่มขึ้น 22 เปอร์เซ็นต์ต่อผลิตภัณฑ์หนึ่งตัน ความสำเร็จของเป้าหมายเหล่านี้จะช่วยยกระดับประสิทธิภาพในภาพรวมให้สูงขึ้น 75 เปอร์เซ็นต์ภายในปี พ.ศ. 2563 เมื่อเทียบกับปี พ.ศ. 2553
โครงการภายในโรงเรียนเข้าถึงเด็กประมาณ 63,000 คน
ในฐานะองค์กรธุรกิจ เฮงเค็ลมีเป้าหมายเพิ่มมูลค่าและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมกับสนับสนุนให้ผู้อื่นช่วยส่งเสริมความยั่งยืนมากขึ้น โดยดำเนินการมากกว่าแค่การพูดคุยกับซัพพลายเออร์ ลูกค้าและผู้บริโภค พนักงานของเฮงเค็ลเป็นศูนย์กลางของโครงการผู้แทนด้านความยั่งยืน โดยหนึ่งในแนวคิดริเริ่มของโครงการนี้คือการให้ความรู้ภายในโรงเรียนซึ่งมีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี พ.ศ. 2558 พนักงานของเฮงเค็ลได้รับการฝึกอบรมเพื่อให้สามารถอธิบายความสำคัญของพฤติกรรมที่มีความยั่งยืนให้แก่ผู้อื่นได้ รวมถึงนักเรียนในโรงเรียนนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555 เป็นต้นมา พนักงานเฮงเค็ลราว 6,200 คนได้รับการฝึกอบรมให้เป็นผู้แทนด้านความยั่งยืน และโครงการนี้เข้าถึงเด็กนักเรียนประมาณ 63,000 คนใน 43 ประเทศ
ความสำเร็จด้านความยั่งยืนของเฮงเค็ลได้รับการยกย่องอีกครั้งโดยสถาบันจัดอันดับและเรตติ้งหลายแห่งในปี 2558 เฮงเค็ลได้ถูกจัดให้เป็นส่วนหนึ่งของดัชนี “100 องค์กรธุรกิจที่มีความยั่งยืนที่สุดในโลก” หรือ “Global 100 Most Sustainable Corporations in the World” และถูกจัดอันดับ “เหรียญทอง” หรือ “Gold” โดยอีคาวดิส (EcoVadis) เฮงเค็ลยังได้รับรางวัลระดับเหรียญเงินจากโรเบคโคแซม (RobecoSAM’s Silver Class) อีกด้วย
เกี่ยวกับ เฮงเค็ล
เฮงเค็ลดำเนินธุรกิจทั่วโลกด้วยการเป็นผู้นำด้านแบรนด์และเทคโนโลยีในสามกลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน (Laundry & Home Care) ผลิตภัณฑ์ดูแลความงาม (Beauty Care) และเทคโนโลยีกาว (Adhesive Technologies) เฮงเค็ลก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1876 โดยครองตำแหน่งผู้นำตลาดโลกทั้งในกลุ่มธุรกิจสำหรับผู้บริโภครายย่อยและกลุ่มธุรกิจภาคอุตสาหกรรมอย่างผลิตภัณฑ์ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดี อาทิ เพอร์ซิล ชวาร์สคอฟ และล็อคไทท์ เฮงเค็ลมีพนักงานเกือบ 50,000 คน มียอดขาย 18.1 พันล้านยูโรและกำไรจากการปฏิบัติงานหลังการปรับปรุง 2.9 พันล้านยูโรในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 หุ้นบุริมสิทธิของเฮงเค็ลจดทะเบียนอยู่ในดัชนีหลักทรัพย์ DAX ของเยอรมนี