พม. จัด ?งานเล่านิทาน อ่าน และเล่นกับลูก? รวมสุดยอด ?นวัตกรรมทำเพื่อลูก?
พม. จัด “งานเล่านิทาน อ่าน และเล่นกับลูก” รวมสุดยอด “นวัตกรรมทำเพื่อลูก”สร้างเด็กคุณภาพ
“ไอน์สไตน์เคยกล่าวไว้ว่า ถ้าอยากให้เด็กฉลาดก็ต้องเล่านิทานให้ฟัง ถ้าอยากให้เด็กฉลาดมากขึ้นก็ต้องเล่านิทานให้ฟังมากขึ้น เพราะการเล่านิทานอ่านและเล่นกับลูก ทำให้ร่างกายของเด็กได้เคลื่อนไหว ตาได้ดู หูได้ฟัง จิตใจอารมณ์ก็มีความสุข มีความสนุก และการที่พ่อแม่ได้กอดได้อุ้มได้ใกล้ชิดกับลูก ก็จะสร้างให้เกิดสัมพันธ์ภาพที่เต็มไปด้วยความรักและความอบอุ่นในครอบครัว”
นอกจากนี้ มีงานวิจัยพบว่าเด็กในวัย 0-6 ปี เป็นช่วงวัยที่เซลสมองจะมีการเจริญเติบโตและพัฒนามากที่สุด ดังนั้นการที่จะสร้างคนรุ่นใหม่ให้มีต้นทุนชีวิตที่ดีทั้งกายและใจจึงต้องเริ่มตั้งแต่ในช่วงปฐมวัย โดยมี “ครอบครัว” เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญเพราะพ่อและแม่ถือเป็นแรงผลักดันที่สำคัญที่สุดในการเลี้ยงดูบุเด็กให้เติบโตขึ้นเป็นคนคุณภาพ
ด้วยเล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาศักยภาพเด็กไทยในช่วงปฐมวัย กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จึงดำเนินงานโครงการ “เล่านิทาน อ่าน และเล่นกับลูก” เพื่อสืบสานพระปณิธานของ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ในการสร้างสถาบันครอบครัวที่เข้มแข็ง ภายใต้โครงการ “สายใยรักแห่งครอบครัว” มาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2552
ซึ่งตลอดระยะเวลา 3 ปีของการดำเนินงานโครงการ “เล่านิทาน อ่าน และเล่นกับลูก” ได้ก่อให้เกิดการต่อยอดขยายผลองค์ความรู้และความเข้าใจการพัฒนาการเด็กไทยด้วยกระบวนการเล่านิทาน อ่าน และเล่นกับลูก ที่นำไปสู่การสร้างสรรค์ “นวัตกรรม” การเสริมสร้างพัฒนาการและศักยภาพของเด็กไทยในช่วงวัยตั้งแต่ 0-9 ปีที่หลากหลาย โดดเด่น และแตกต่างกันออกไปในแต่ละบริบทของพื้นที่และชุมชน ถึงกว่า 2,000 ครอบครัว รวมถึงได้ต่อยอดกิจกรรมวัยซน นำร่องในพื้นที่โรงเรียนระดับประถมศึกษา และสถานสงเคราะห์เด็ก ที่อยู่ในพื้นที่ศูนย์ 3 วัยสานสายใยรักฯ ในสังกัดกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยมุ่งเน้นให้เด็กได้เรียนรู้กับสิ่งรอบตัวผ่านการลงมือปฏิบัติ
เพื่อเป็นการขยายผลให้เกิด “วัฒนธรรมการเลี้ยงลูกด้วยการเล่านิทาน อ่าน และเล่นกับลูก” ขึ้นในสังคมไทยอย่างกว้างขวางและยั่งยืน ในปีนี้ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จึงได้จัดให้มี “งานเล่านิทาน อ่าน และเล่นกับลูก ประจำปี 2554” ในวันที่ 3-4 กันยายน 2554 ณ แจ้งวัฒนะฮอลล์ ชั้น 5 อาคารจอดรถ B ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า แจ้งวัฒนะ ภายใต้แนวคิด “กระตุ้นพลังคิดสร้างสรรค์ ด้วยการเล่านิทาน อ่าน และเล่น” ขึ้น เพื่อเผยแพร่และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการนำกระบวนการ “เล่า อ่าน เล่น” ไปใช้และให้สังคมไทยได้ตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาเด็กไทยให้เติบโตขึ้นอย่างเต็มศักยภาพ
โดยไฮไลท์ของงานอยู่ที่ การนำเสนอ “30 นวัตกรรมเล่านิทาน อ่าน และเล่นกับลูก” ซึ่งเป็นผลงานของ “วิทยากรกระบวนการสานสายใยรัก” ที่ได้พัฒนาขึ้นและนำไปใช้เป็นเครื่องมือในการถ่ายทอดความรู้ไปสู่พ่อแม่และผู้ปกครองในพื้นที่ดำเนินงาน 30 จังหวัด อาทิ กระดุ๊กกระดิ๊ก กระด๊อกกระแด๊ก, ไก่กระป๋อง, นิทานจานเดียว, นิทานเข่งปลาทู เป็นต้น
สำหรับครอบครัวที่สนใจเทคนิค วิธี และกระบวนการดูแลบุตรหลาน ภายในงานยังจัดมี “ลานนิทาน อ่าน และเล่น” ที่รวบรวมกิจกรรมภายใต้แนวคิด “30 กิจกรรมสร้างความรักความอบอุ่นในครอบครัว” อาทิ นิทานป๊อบอัพ,ตุ๊กตาดิน, ข.ขวดหรรษา ฯลฯ ที่เปิดโอกาสให้ผู้สนใจร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ผ่านกิจกรรมต่างๆ มากมาย และมีการแสดงชุดพิเศษประจำวันจากศิลปินรับเชิญไม่ว่าจะเป็น มินิคอนเสิร์ตจากแก๊งค์วัยซนน้องๆ “The Trainer3” นิทานแสนสนุกจาก “เก้า” จิรายุ ละอองมณี และร่วมสนุกกับกิจกรรมบนเวทีมากมายตลอดงานตลอดงาน อาทิ หนังใหญ่ปะทะหนังตะลุง ตอนสุดสาครแปรงฟัน, นิทานม่านชัก, ระบำนางรอง
พร้อมกันนี้ยังมีการจัดแสดง “ 40 สุดยอดสิ่งประดิษฐ์ของเล่นลอยน้ำ" ที่ได้รับคัดเลือกจากการประกวดสิ่งประดิษฐ์ของเล่นลอยน้ำ ทั่วประเทศจากกิจกรรม “วัยซนค้นโลก” สิ่งประดิษฐ์เหล่านี้ถูกออกแบบภายใต้แนวคิด“กล้าคิด กล้าค้น กล้าลอง และลงมือทำเรื่องสร้างสรรค์” โดยมุ่งเน้นให้เด็กวัย 7-9 ปี เกิดการเรียนรู้และพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ผ่านกระบวนการสร้างเสริม “ศักยภาพการเรียนรู้ตามธรรมชาติ 8 ส. ที่ประกอบไปด้วย สงสัย สำรวจ สังเกต สัมผัส สรุปผล สื่อสาร สร้างสรรค์ และสั่งสม
นอกจากนี้ยังเปิดพื้นที่สำหรับเสริมสร้างจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ให้กับวัยซนผ่าน “เรือพลังคิด” ที่ออกแบบมาเพื่อกระตุ้นพลังความคิดสร้างสรรค์ ด้วยกระบวนการเรียนรู้ 8 ส. และ “กิจกรรมเสริมพลังสร้างสรรค์” ที่ให้ผู้ปกครองและบุตรหลานได้ร่วมกันสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์จากวัสดุต่างๆ เพื่อกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ ความสงสัย และทดลองทำเพื่อค้นหาความแตกต่างของวัสดุต่างๆ เพื่อร่วมกันค้นหาว่าอะไรที่ลอยน้ำได้
ซึ่งกระบวนการเรียนรู้จาก 30 สุดยอดนวัตกรรมเล่านิทาน อ่าน และเล่นกับลูก ที่เกิดขึ้นจากการ ดำเนินงาน “โครงการเล่านิทาน อ่าน และเล่นกับลูก” ที่ได้ส่งผ่านไปสู่ พ่อ แม่ ผู้ปกครองและสังคมไทยในการจัดงานครั้งนี้นั้น กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มุ่งหวังที่จะสร้างให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแนวคิดในการเลี้ยงดูบุตรหลานของทุกครอบครัวในสังคมไทย ให้ทุกฝ่ายได้มองเห็นประโยชน์ของการเล่านิทาน อ่าน และเล่นกับลูก ที่มีผลต่อการส่งเสริมจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ พัฒนาการทางภาษา และเห็นความสำคัญของการสร้างความรัก ความอบอุ่น และความผูกพันให้เกิดขึ้นในครอบครัว ซึ่งเป็นการสร้างเด็กไทยรุ่นใหม่ให้มีคุณภาพและศักยภาพ ที่นำไปสู่การพัฒนาประเทศให้สามารถก้าวไปแข่งขันกับสังคมโลกได้
“เราเชื่อว่าการทำให้เด็กไทยมีร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และสติปัญญา ที่พร้อมในช่วงวัยนี้ จะทำให้เด็กไทยมีภูมิต้านทานที่แข็งแกร่งที่พร้อมจะไปยืนได้อย่างมั่นคงและก้าวไปอย่างมีความสร้างสรรค์ในอนาคตได้ ที่สำคัญเราต้องการจุดประกายให้สังคมไทยเห็นว่า อย่าไปรอที่จะพัฒนาเด็ก หรือคิดว่ารอให้โตก่อนจึงค่อยพัฒนา เพราะเด็กสามารถพัฒนาได้ตั้งแต่ในครรภ์ โดยไม่ต้องไปรอหรืออาศัยความพร้อมจากที่ไหน เพราะความพร้อมอยู่ที่ตัวของพ่อแม่ อยู่ในตัวของชุมชน อยู่ในตัวของภูมิปัญญาท้องถิ่น อยู่ในตัวของเราเอง แล้วก็ไม่จำเป็นต้องไปพึ่งพาวัสดุอุปกรณ์หรือของที่มีราคาแพง เพราะหัวใจของการพัฒนาครอบครัวคือ เวลา กิจกรรม และการเรียนรู้ โดยพ่อและแม่จะมีบทบาทที่สำคัญที่สุดในการพัฒนาศักยภาพของเด็ก” นายปกรณ์ พันธุ อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กล่าวสรุป.
ที่มา: http://www.ryt9.com/s/prg/1224076