ผ่าแผน?แอลจี?ลุยอาเซียน เร่งสร้างแบรนด์-ตอกย้ำกรีน
ผ่าแผน“แอลจี”ลุยอาเซียน เร่งสร้างแบรนด์-ตอกย้ำกรีน
โดย : saranyu@nationgroup.com
20 ปีในการเข้ามาบุกตลาดอาเซียน ถึงวันนี้ต้องยอมรับว่า แอลจีเป็นแบรนด์อันดับต้นๆ ที่ได้รับการตอบรับจากตลาดในภูมิภาค
ด้วยความพยายามในการสร้างแบรนด์ การผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ ไปจนถึงการออกสินค้ากรีน เพื่อตอบรับกับเทรนด์ของผู้บริโภคยุคใหม่ ที่ต้องการสินค้าเพื่อสุขภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ซึ่งเป็นเทรนด์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม แม้จะได้รับการยอมรับในแบรนด์มากขึ้น แต่การทำตลาดก็ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะประเทศไทยที่มีการแข่งขันสูง แอลจีจะมุ่งหน้าไปในทิศทางไหน มีแนวคิดการดำเนินธุรกิจ และมองตลาดในภูมิภาคนี้อย่างไร “กรุงเทพธุรกิจ” ถ่ายทอดบทสัมภาษณ์ของ ชาง ฮี ฮัน รองประธานบริหาร ฝ่ายกลยุทธ์การตลาด กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน แอลจี อีเลคทรอนิคส์ อิงค์ ในโอกาสที่เดินทางมาประชุมตัวแทนจำหน่ายที่ประเทศไทย
ชาง ฮี ฮัน บอกว่า ในช่วงหลายปีมานี้ภาวะเศรษฐกิจในเอเชียถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี และเมื่อมองมาที่ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็พบว่า เป็นภูมิภาคที่มีศักยภาพมากที่สุด เมื่อเทียบกับตลาดที่อื่นๆ ทั้งในยุโรปและอเมริกา ที่เกือบทุกอุตสาหกรรมอยู่ในภาวะติดลบ ขณะที่อาเซียนภาพรวมทางเศรษฐกิจยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง หรือเติบโตมากกว่า 15% ขณะที่ผลประกอบการโดยรวมของบริษัทมีการเติบโตประมาณ 30%
ดังนั้น ทิศทางการบุกตลาดของแอลจีจะให้ความสำคัญกับภูมิภาคนี้เป็นหลัก แม้ว่าจะเป็นตลาดที่มีความท้าทายและยากเนื่องจากพฤติกรรมการบริโภคและการซื้อสินค้าค่อนข้างหลากหลาย แต่ก็เชื่อว่าหากสามารถผลิตสินค้าที่ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละกลุ่มได้ ก็ประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก
“ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา แอลจีอาจไม่ได้เป็นแบรนด์ที่โด่งดังมากมายนักในภูมิภาคนี้ แต่เราก็ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะอินโดนีเซียและไทย อย่างประเทศไทยเครื่องซักผ้าเราเป็นอันดับ 1 ขณะที่เวียดนาม มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เราถือว่าแบรนด์แอลจีอยู่ในใจผู้บริโภคอันดับต้นๆ แล้ว และหากมองที่ระดับโกลบอลเครื่องซักผ้าเรามีส่วนแบ่งตลาด 11% ตู้เย็น 10% ซึ่งถือว่าดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับสมาร์ทโฟนที่ดีขึ้นเป็นลำดับ ขณะที่เรื่องปรับอากาศและทีวีอยู่ในท็อปทรีของโลก” ผู้บริหารกล่าวพร้อมระบุว่า
ทิศทางของแอลจีที่จะมุ่งไปนับจากนี้คือ การผลิตสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ด้วยแคมเปญที่จัดขึ้นพร้อมกันในอาเซียน 6 ประเทศ ภายใต้ชื่อแคมเปญว่า “กรีน เฮลธ์ พลัส” โดยจากนี้ไปบริษัทจะผลิตและขายสินค้าที่เป็นกรีนมากขึ้น จากเดิมในปี 2009 สัดส่วนสินค้ากรีนอยู่ที่ 16% แต่ปัจจุบันเกิน 30% แล้ว และจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกๆ ปี แต่จะเพิ่มเป็นสัดส่วนเท่าไรนั้นขณะนี้ยังไม่สามารถบอกได้
เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต-ลงทุนอาร์แอนด์ดีในไทย
ผู้บริหารกล่าวว่า แอลจีให้ความสำคัญกับประเทศไทย เนื่องจากมีศักยภาพทั้งด้านการผลิตและการบริโภค และมองว่าทั้งไทยและอินโดนีเซียเป็นศูนย์กลางการผลิตที่สำคัญ มีการส่งออกไปทั่วโลก เช่น ตะวันออกกลางและแอฟริกา แต่ไทยจะเน้นการส่งออก ขณะที่อินโดนีเซียเน้นการขายในประเทศ ดังนั้น แอลจีจึงมีการลงทุนทั้งสองประเทศนี้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในไทยที่มีการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตมาโดย ตลอด เช่นเดียวกับการลงทุนด้านอาร์แอนด์ดี
สำหรับไทยปัจจุบันแอลจีมีฐานการผลิตสินค้าอยู่หลายอย่างด้วยกัน ทั้ง เครื่องปรับอากาศ ไมโครเวฟ ทีวี และเครื่องซักผ้า โดยในปีนี้มีการเพิ่มศักยภาพการผลิตของเครื่องซักผ้าด้วยการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามา รวมถึงเพิ่มกำลังการผลิตอีก 20% เนื่องจากตลาดนี้มีการขยายตัวสูงมาก นอกจากนี้ก็มีแผนที่จะลงทุนในอินโดนีเซียเพิ่มเติม โดยปัจจุบันอินโดมีโรงงานผลิต ทีวี ตู้เย็น จอมอนิเตอร์ และวีดิโอ ขณะเดียวกัน แอลจียังมีแผนลงทุนในเวียดนามด้วย
“ถ้าเทียบอัตราการเติบโตแล้ว ไทยมีศักยภาพมาก จีดีพีก็ถือว่าสูงในอาเซียน ในไทยเรามีการเติบโตกว่า 20% เวียดนามและฟิลิปปินส์ประมาณ 20% สิงคโปร์ 10% และตลาดที่น่าจับตาในขณะนี้คือ อินเดียที่มีการเติบโตสูงถึง 30%”
ที่มา: http://www.bangkokbiznews.com